ROGObirdiaries
ค้างคาว

ถิ่นกำเนิดค้างคาว

ค้างคาว

ค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่บินได้ อยู่ในอันดับ Chiroptera มีถิ่นกำเนิดอยู่บนโลกประมาณ 50 ล้านปีมาแล้ว เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ โดยวิวัฒนาการจากนิ้วที่ยาวขึ้นจนกลายเป็นปีก และพัฒนาการของเสียงสะท้อนเพื่อช่วยในการหาอาหารและทิศทางการบิน จากการศึกษาทางฟอสซิล พบว่าค้างคาวตัวแรกอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ก่อนที่จะอพยพไปอยู่อาศัยในทวีปอื่นๆ ทั่วโลก ในปัจจุบันค้างคาวพบได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา

ลักษณะค้างคาว

ค้างคาว
  • ขนาด ค้างคาวมีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ค้างคาวขนาดเล็กที่สุดคือค้างคาวคุณกิตติ (Craseonycteris thonglongyai) ที่พบในประเทศไทยมีความยาวลำตัวเพียง 29-34 มิลลิเมตร เมื่อกางปีกออกมีความยาว 15 เซนติเมตร และหนัก 2-2.9 กรัม ค้างคาวขนาดใหญ่ที่สุดคือค้างคาวผลไม้มงกุฎ (Acerodon jubatus) พบในฟิลิปปินส์ มีความยาวลำตัว 16-20 เซนติเมตร เมื่อกางปีกออกมีความยาว 1.6 เมตร และหนัก 1-1.6 กิโลกรัม
  • รูปร่าง ค้างคาวมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามชนิด โดยทั่วไปจะมีลำตัวเล็ก หัวโต มีจมูกและปากยาว ดวงตาเล็ก ขายาวและนิ้วมือยาว ปลายนิ้วมีเล็บ
  • ขน ค้างคาวมีขนปกคลุมทั่วร่างกาย ขนมีความยาวและสีสันแตกต่างกันไปตามชนิด ส่วนใหญ่มีขนสีน้ำตาลหรือดำ
  • ปีก ปีกของค้างคาวเป็นแผ่นหนังเชื่อมระหว่างกระดูกแขน กระดูกขา และกระดูกนิ้วชิ้นต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยให้ค้างคาวสามารถบินได้

ประโยชน์ของค้างคาว

ค้างคาว
  • ช่วยควบคุมประชากรแมลง ค้างคาวกินแมลงเป็นอาหารจำนวนมาก ช่วยควบคุมประชากรแมลงไม่ให้มีมากเกินไป
  • ช่วยผสมเกสรดอกไม้ ค้างคาวบางชนิดช่วยผสมเกสรดอกไม้ โดยดูดน้ำหวานจากดอกไม้ ละอองเรณูจะติดตัวค้างคาวไปด้วย เมื่อค้างคาวบินไปหาดอกไม้อีกดอก ละอองเรณูก็จะไปติดที่เกสรตัวเมียของดอกไม้ ทำให้ดอกไม้สามารถผสมเกสรและออกดอกได้

การสืบของพันธุ์ค้างคาว

ค้างคาว

ค้างคาวผสมพันธุ์ในขณะที่เกาะอยู่บนเพดานถ้ำหรือบนกิ่งไม้ ตัวผู้จะเข้าหาตัวเมียจากทางด้านหลัง แล้วใช้ปีกโอบตัวเมียไว้ จากนั้นจะใช้อวัยวะเพศแทงเข้าไปในช่องคลอดของตัวเมีย กระบวนการผสมพันธุ์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที ไข่จะถูกปฏิสนธิภายในมดลูกของตัวเมีย ไข่จะฝังตัวในผนังมดลูกและเริ่มพัฒนาเป็นทารกลูกค้างคาวจะเจริญเติบโตในมดลูกของแม่ค้างคาว ใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 45-150 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของค้างคาว

การหาอาหารของค้างคาว

ค้างคาว

 ค้างคาวส่วนใหญ่กินแมลงเป็นอาหาร จะใช้ระบบเสียงสะท้อนในการหาอาหารและทิศทางการบิน โดยส่งเสียงคลื่นความถี่สูงออกมาจากปากหรือจมูก จากนั้นจะฟังเสียงสะท้อนที่สะท้อนกลับมาจากวัตถุต่างๆ เพื่อระบุตำแหน่งของวัตถุนั้น ค้างคาวบางชนิดกินผลไม้ น้ำหวาน เกสรดอกไม้ หรือสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Birdiaries.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นกเหยี่ยว