นกอีมู
มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับสองรองจากนกกระจอกเทศ บินไม่ได้แต่สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1696 โดยกัปตันชาวดัตช์ วิลเลม เดอ วลามิงห์ ในขณะกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตจากเรือลำหนึ่งที่หายสาบสูญไปเมื่อสองปีก่อนแถวชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย
ลักษณะเด่นของนกอีมู
- ขนหยาบ แข็ง สีน้ำตาลเทาตลอดลำตัว ลูกนกมีขนสีน้ำตาลเข้ม มีลายทางสีขาวพาด โตแล้วลายจะหายไป
- หัวสีฟ้าเข้ม
- ปาก ขา เท้า มีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
- ขาใหญ่และแข็งแรง เท้ามีนิ้วเท้า 3 นิ้ว ยื่นไปข้างหน้า (ไม่มีนิ้วหลัง) กระดูกหน้าอกแบนราบ คล้ายกับหน้าอกคน ไม่มีสัน
ถิ่นที่อยู่ของนกอีมู
นกอีมูเป็นนกพื้นเมืองของออสเตรเลีย พบได้ทั่วทั้งทวีป ยกเว้นพื้นที่แห้งแล้งและพื้นที่ที่มีหิมะตก นกอีมูสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย นกอีมูสามารถอาศัยอยู่ในสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถว่ายน้ำได้ดีอีกด้วย
พฤติกรรมของนกอีมู
นกอีมูเป็นนกที่เชื่อง แต่หากถูกรบกวนอาจใช้ขาใหญ่และแข็งแรงของมันเตะหรือถีบผู้บุกรุกนกอีมูเป็นสัตว์สังคม มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 5-10 ตัว ในฤดูผสมพันธุ์ นกอีมูตัวผู้จะต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตัวเมีย นกอีมูตัวเมียจะวางไข่ครั้งละประมาณ 5-12 ฟอง แต่ละฟองจะมีน้ำหนักประมาณ 500-700 กรัม ไข่จะมีสีเขียวมรกต และใช้เวลาฟักตัวประมาณ 56 วัน
อาหารของนกอีมู
นกอีมูเป็นสัตว์กินพืช นกอีมูกินผลไม้และลูกไม้หลากหลายชนิด เช่น ทับทิม มะเดื่อ ผลเบอร์รี่ และผลพลัม นกอีมูยังกินเมล็ดพืช เช่น เมล็ดข้าว เมล็ดถั่ว และเมล็ดพืชป่า นกอีมูยังกินแมลง เช่น หนอน ผีเสื้อ และตั๊กแตน นกอีมูยังกินสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนู กบ และจิ้งจกนกอีมูจะหาอาหารด้วยการเดินหรือวิ่งไปตามพื้นดิน นกอีมูใช้ปากและจะงอยปากของมันในการกินอาหาร นกอีมูจะกินอาหารประมาณ 3-4 กิโลกรัมต่อวัน
การอนุรักษ์นกอีมู
- การอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัย นกอีมูต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในการหาอาหารและผสมพันธุ์ การอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอีมูจะช่วยปกป้องนกอีมูจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยและการพัฒนา
- การบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการล่าสัตว์และการค้าสัตว์ป่าจะช่วยปกป้องนกอีมูจากการล่าสัตว์และการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
- การศึกษาและเผยแพร่ความรู้ การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของนกอีมูจะช่วยสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์นกอีมู
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Birdiaries.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นกแพนกวิน
